Saturday, March 8, 2014

สอนทำบล็อก

จากที่เคยได้เกริ่นไว้ในบทความ “5 วิธี ติดตั้ง Twitter Update บน Blogger”  ว่าจะนำเสนอวิธีการส่งบทความที่เราเขียนไปยัง Twitter แบบอัตโนมัติ สำหรับเหตุผลและประโยชน์จากการทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ บทความที่เราเขียนมีการเผยแพร่และโปรโมทได้หลายทาง ซึ่งย่อมเป็นผลดีกับการเรียกคนเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของเรามากขึ้นนั่นเอง

บทความนี้จะขอนำเสนอ 2 วิธีการด้วยกัน และหากพบวิธีอื่นที่ทำได้สะดวกก็จะได้นำเสนอในบทความต่อ ๆ ไปครับ



วิธีการนี้เราจะใช้บริการของ Feedburner ซึ่งถ้าใครยังไม่รู้จัก ก็สามารถศึกษาจากบทความ FeedBurner ตัวช่วยให้ Feed แรง!!!
ก่อนที่จะดำเนินการต่อครับ


1.2 ให้ทุกคนไปที่ http://feedburner.google.com/fb/a/home และ log in เข้าระบบครับ

image



สอนแต่งบล็อก



สอนสร้างบล็อก


แต่ง blogger


ทำ blogger


สร้าง blog






วิธีที่ 2

วิธีนี้จะใช้บริการของ twitterfeed.com ซึ่งสามารถทำให้ Feed ของบล็อกเราส่งไปยัง Twitter ได้เช่นเดียวกับวิธีแรก และยังสามารถส่ง Feed ของเราไปยัง Facebook ได้อีกด้วย

ใช้งาน blogger


สอนทำบล็อก 




image


ตัวอย่างโค้ดของ RSS feed
http://ชื่อบล็อก.blogspot.com/feeds/posts/default?alt=rss

หรือจะใช้ feed จาก Feedburner ก็ได้ เช่น (อันนี้ Feed ของผมเอง)
http://feeds.feedburner.com/Hackublog



image



image


image 



image 

image
image



image



image


image

สุดท้ายก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการโปรโมทเว็บบล็อกของผู้อ่านทุก คนครับ และหากมีข้อสงสัยประการใดก็สามารถสอบถามได้ที่กล่อง Comment ด้านล่างได้เลย หากช่วยได้ก็ยินดีช่วยกันเต็มที่ครับ

เครดิต: Hackublog
ถ้าหาก การใช้งาน Windows 7 ของท่านเป็นไปได้อย่างล่าช้า ไม่ว่าจะเปิดโปรแกรมหรือเรียกใช้ งานแท็บเมนูต่างๆไม่ว่องไวเท่าที่ควร หรือปกติก็ทำ งานได้รวดเร็วอยู่แล้ว แต่อยากให้รวด เร็วยิ่งกว่าเดิมก็สามารถทำได้ เรามาทำการ ปรับแต่งเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของ Windows 7 ให้เป็นไปได้ อย่างรวดเร็วกันดีกว่าครับ แต่ยังคงไว้ซึ่งการทำงานของ Aero Peek ไว้เหมือน เดิม โดยการปิดฟังก์ชันบางส่วนที่ไม่ค่อยจำเป็นทิ้งไป ส่วนฟังก์ชันที่ว่าต้องปิดนั้นจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน

1. ปรับแต่งการทำงานในส่วนของ Advanced ของ System Properties
       1)  โดยคลิก Start -> คลิกขวาที่ไอคอน Computer -> เลือก Properties
       2)  หรือจะเปิด หน้าต่าง System Properties
       3)  โดยคลิก Start -> ที่ช่อง Search programs and files พิมพ์ sysdm.cpl แล้ว Enter
       4)  คลิกแท็บ Advanced -> หัวข้อ Performance ->



       5) ที่หัวข้อ Visual Effects เลือก Custom: แล้ว เลือกปิดหัวข้อที่ไม่จำเป็น และเปิดหัวข้อ ที่สำคัญบางส่วนเอาไว้เช่น Aero Peek, Desktop, Thumbnails, Drop shadows หรือ จะเลือกตามรูปก็ได้ครับ ในที่นี้จะ เปิดไว้โดยใส่เครื่องหมายถูกไว้เฉพาะหัวข้อที่สำคัญ 



       6) เสร็จแล้วกด Apply -> OK



2. ปรับแต่งการทำงานในส่วนของ Folder Options โดยปิดการทำงาน (เอาเครื่องหมายถูกออก) หัวข้อ
       ·  Display file size information in folder tips
       ·  Hide extensions for known file types
       ·  Show encrypted or compressed NTFS files in color
       ·  Show pop-up description for folder and desktop items



3. ปิดการทำงานในส่วนของ System Configuration โดยเอาหัวข้อ Startup Item ที่ไม่จำเป็น ออก
       ·  โดยคลิก Start -> ที่ช่อง Search programs and files พิมพ์ msconfig -> Enter แล้วเอาเครื่องหมายถูกหน้า Startup Item ที่ไม่จำเป็น ออก
       ·  เสร็จแล้วกด Apply -> OK




4. ปิดการทำงานในส่วนของ Services ที่ไม่จำเป็น ออก
       · โดยคลิก Start -> ที่ช่อง Search programs and files พิมพ์ Services.msc -> Enter แล้วปิดการทำงานของเซอร์วิสเช่น
       · Print Spooler เลือก Disabled ในกรณีที่ท่าน ไม่มีหรือไม่ได้ต่อพริ๊นเตอร์ไว้ใช้งาน
       · Remote Registry เลือก Manual
       · Task Scheduler เลือก Disabled ในกรณีที่ไม่ ได้ใช้ปฏิทินนัดหมายของวินโดวส์
       · Windows Error Reporting Service เลือก Disabled ในกรณี ที่ไม่ต้องการให้วินโดวส์ส่งข้อผิดพลาดในการทำงานกลับไปหาไมโครซอฟต์
       · Windows Update เลือก Disabled ในกรณีที่ วินโดวส์ไม่ใช่ลิขสิทธิ์หรือไม่ต้องการอัพเดตโปรแกรมใหม่ๆกับทาง ไมโครซอฟต์ แต่ถ้าท่านใช้วินโดวส์ลิขสิทธิ์ หัวข้อนี้แนะ นำว่าไม่ควรปิดนะครับ
       · และหัวข้อ อื่นๆอาจจะต้องลองศึกษาให้แน่ใจก่อนว่า ถ้าหากมีการปิดการทำงานไปแล้ว จะมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นกับวินโดวส์ของเราหรือไม่





สำหรับการปิดการทำงานของเซอร์วิสก็ เพียงแค่ดับเบิลคลิกเซอร์วิสที่ต้องการ แล้วเลือกที่หัวข้อ Startup type: เป็น Disabled และที่หัวข้อ Service status: เป็น Stop เมื่อปรับ แต่งค่าต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลองสังเกตดูว่าหลังการปรับแต่งการใช้งานต่างๆในวินโดวส์เร็วขึ้นกว่าที่เคย เป็นเยอะเลยนะครับ

วิธีให้โหลดบิทได้แม้โดนบล็อค

ให้ไป set proxy ใน IE หรือว่า firefox นะครับ คุณจะสามารถโหลด torrent ได้แล้วแต่ยังไม่เสร็จแค่นี้นะครับ
แต่ โปรแกรมบิท มันจะบอกว่า can't conect to trcker ,waiting xx for retry... ไม่เป็นไรครับไปเซ็ต proxy เลือก proxy type เป็น http แล้วเซ็ตค่า proxy ลงไป
เท่านี้มันก็จะ connect tracker ได้แล้วละครับ

IP 202.29.20.151Port : 8080 <-- ใช้ไม่ได้แล้ว หาใหม่ link ด้านล่างนะคับ

ลองหา Proxy อันใหม่เว็บนี้นะคับ http://www.aliveproxy.com/proxy-list-port-8080/
ส่วนใหญ่แล้ว Proxy จะใช้ได้ไม่กี่วันนะคับ เลือก Proxy type เป็น Transparent นะคับ

วิธีการเซ็ตอย่างละเอียด :

IE > tool > InternetOptions > Connections > LANsetings > Proxy sever > ใส่เครื่องหมายถูกในช่องสี่เหลี่ยม > ใส่ IP ในช่อง Address และใส่ 8080 หรือ 80 ในช่อง Port

Firefox > tool > Option > General > Conectionsettings > Manual proxy Configuration > ใส่ IP ในช่อง Address และใส่ 8080 หรือ 80 ในช่อง Port

bitcomet > preferences > proxy เลือก proxy type เป็น http1.1 > ใส่ IP ในช่อง Address และใส่ 8080 หรือ 80 ในช่อง Port

utorrent > Options > preferences >Connection> proxy sever > เลือก proxy type เป็น http > ใส่ IP ในช่อง Address และใส่ 8080 หรือ 80 ในช่อง Port

Credit : ADSL Thailand
วันนี้จะมาเล่าถึง Tools บน Windows 7 ที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ แต่มีประโยชน์ในการใช้งานอย่างมาก เริ่มกันเลยแล้วกัน

1. Snipping Tool
 จริงแล้วๆ มี screenshot tools หลายตัวเหมือนกันให้เลือกใช้ แต่ตัวนี้เป็น Tool ที่มีแล้วบน Windows 7 เอง ถ้าหากไม่อยากเสียเงินซื้อหรือใช้ของเถื่อนก็ลองใช้งาน Snipping Tool ดูได้นะครับ เพราะว่าความสามารถของมัน สามารถใช้งานเบื้องต้นได้สบายๆ เลยทีเดียว วิธีการใช้งานก่อนอื่นเลยต้องเปิด Snipping Tool ขึ้นมาก่อน โดยไปที่ Start  --> Search Program and Files แล้วพิมพ์ Snipping Tool ตามรูปข้างล่าง




เมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว Snipping Tool จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ



Snipping Tool นั้นมาพร้อมกับความสามารถพื้นฐานทั่วไปในการถ่าย Screen Shot เก็บไว้ โดยสามารถทำการ Save เก็บเป็น HTML, JPG, PNG or GIF ได้ครับ ถ้าไม่อยากเสียเงินหรือต้องการ Screen Shot Tool ง่าย ๆ ที่ไม่หนักเครื่อง ผมว่า Snipping Tool เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว

2. Sticky Notes
Tool ตัวถัดมาที่ Windows ซ่อนไว้ คือ Sticky Notes ความสามารถของมันอาจจะไม่ดีเท่า Stickies หรือตัวอื่นๆ แต่ก็มีความสามารถพื้นฐานที่ครบถวนทีเดียว โดยมันสามารถบันทึก Note ต่างๆ ได้หลายๆ อัน รวมถึงสามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ click mouse ขวา แล้วเลือกสีที่ต้องการ วิธีการเรียกใช้งาน ไปที่ Start  --> Search Program and Files แล้วพิมพ์ Sticky Notes







3. Magnifier
 Tool ตัวนี้เป็น Tool ตัวที่มีประโยชน์มาก สำหรับคนที่มีปัญหาในการอ่านตัวหนังสือบนหน้าจอ โดย Tool ตัวนี้จะทำการขยายหน้าจอขึ้นทำให้ตัวหนังสือมีขนาดใหญ่ขึ้น (อาจจะประยุกต์ใช้ในการ zoom ดูรูปภาพก็ได้นะครับ)  สำหรับการเรียกใช้งาน ไปที่ Start  --> Search Program and Files แล้วพิมพ์ Magnifier





คุณสามารถปรับเปลี่ยนสีหน้าจอ หรือ zoom in และ zoom out ได้นะครับ โดยเข้าไปปรับแก้ในส่วนของ option ถ้ายังไงก็ลองเล่นดูแล้วกันนะครับ



4. Sound Recorder
มี Tool อยู่หลายตัวเหมือนกันที่สามารถบันทึก, edit และ แปลงไฟล์เสียงได้ แต่ Tool ตัวนี้ไม่ใช่ มันทำได้แค่บันทึกไฟล์เสียง โดยไฟล์เสียงที่ได้จะเป็น wma เท่านั้น (แล้วจะเกริ่นซะหรูทำไม...555) แต่เหตุผลที่นำเสนอ เพราะว่า Tool ตัวนี้ฟรีครับ เผื่อว่าคุณมีความจำเป็นที่ต้องใช้โปรแกรมในการบันทึกเสียงแล้วไม่สามารถหา โปรแกรมมาลงได้ คุณอาจใช้ Tool ตัวนี้แก้ขัดไปก่อนได้ สำหรับการใช้งานไปที่ Start  --> Search Program and Files แล้วพิมพ์ Sound Recorder




5. Remote Assistance
บ่อยแค่ไหนที่คุณมีปัญหาในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณไม่สามารถแก้ไข ได้เอง ซึ่งคุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น Help Desk หรือ IT Support ของบริษัท เพื่อทำการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ Remote Assistance ช่วยคุณได้ครับ โดย Tool ตัวนี้จะอนุญาติให้ผู้เชี่ยวชาญทำการ Remote เข้ามาแก้ไขปัญหาที่เครื่องของคุณให้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วมันต่างจาก Remote Desktop ยังไง ข้อแตกต่างระหว่าง Remote Desktop กับ Remote Assistance คือ เมื่อใช้ Remote Assistance คุณหรือ User ที่อยู่หน้าเครื่องที่มีปัญหานั้นจะสามารถเห็นการทำงานที่หน้าจอได้ตามปกคิ หรือเห็นการทำงานต่างๆทั้งหมดที่ผู้ Remote เข้าทำดำเนินการ แต่ Remote Desktop นั้น คุณหรือ User จะไม่เห็นหน้าจอการทำงาน O.K. ทีนี้มาว่ากันต่อ วิธีการเรียกใช้งาน Remote Assistance สามารถทำได้โดยไปที่ Start --> Search Programs and Files แล้วพิมพ์ windows remote assistance ตามรูปข้างล่าง แล้วเลือก Windows Remote Assistance ครับ



เมื่อเปิด Windows Remote Assistance จะได้หน้าตาตามรูปข้างล่างเลยครับ


ซึ่งคุณสามารถเชิญคนที่คุณต้องการขอความช่วยเหลือได้ (แต่คนนั้นต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยนะครับ) โดยคุณต้องทำการส่ง password ให้ด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นเค้าคงเชื่อมต่อมาช่วยคุณไม่ได้ อ้อ... Windows Remote Assistance มีระบบ Chat ในตัวด้วยนะครับ ซึ่งช่วยให้คุณคุยรายละเอียดในการแก้ไขได้ง่ายขึ้นด้วย รวมไปถึงสามารถ config ได้ว่าจะให้ Tool ตัวนี้ใช้ bandwidth เท่าไหร่ได้ด้วยนะครับ


6. Problem Steps Recorder
 ถ้าหากว่า Windows Remote Assistance ยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้คุณได้ คงต้องลองใช้ Problem Steps Recorder แล้วล่ะ ซึ่ง Tool ตัวนี้จะทำการบันทึกการทำงานทุกอย่างแล้วทำการสร้างไฟล์ MHT ซึ่งเก็บ Screen Shot การทำงานทั้งหมดเอาไว้(ถึงแม้ว่าจะเป็นการทำงานแบบ multiple monitors ก็ตาม) และสร้าง Description การทำงานต่างๆ ทั้งหมดให้ ซึ่งคุณสามารถนำ Description ไปตรวจสอบหาข้อผิดพลาดได้
การเรียกการใช้งานทำได้โดยไปที่ Start --> Search Programs and Files แล้วพิมพ์ psr ตามรูปข้างล่าง




เมื่อทำงานเสร็จแล้วโปรแกรมจะ Save เป็น zip ไฟล์ โดยข้างในจะเก็บไฟล์ MHT ไว้อีกที

7. Malicious Software Removal Tool
ตามที่ชื่อบอกเลยครับ มันเป็น Tool ที่เอาไว้ scan หา malicious software ต่างๆ ที่อยู่ในเครื่อง ซึ่งคุณอาจจะใช้หลังจาก Anti-Virus หลักในเครื่องของคุณ scan ไม่เจออะไร วิธีการเรียกใช้งานทำได้โดย ไปที่    Start --> Search Programs and Files แล้วพิมพ์ mrt ตามรูปข้างล่าง


คุณสามารถที่จะเลือกรูปแบบของการ scan ได้ โดยเลือกเป็น quick scan, full scan หรือ customized scan ตามสะดวก


เมื่อ Scan เสร็จแล้วจะแสดงผลการ scan ให้ทราบ


Tool การทำงานตัวนี้ ค่อนข้างจำกัด โดยมันจะสามารถ scan ของ malicious software ต่างๆ ได้เฉพาะตาม list ที่มันมี ดังนั้น ไม่แนะนำให้ใช้เป็น Anti-virus หลักในเครื่อง ยังไงใช้เป็นแค่ตัวช่วยแล้วกันนะครับ

8. Disc Image Burner
ตัวสุดท้ายของบอกว่ามันเป็นของแถมที่พิเศษจริงๆ ถ้าหากคุณมีไฟล์ ISO แต่ในเครื่องของคุณไม่มี burning software เช่น Nero ติดตั้งไว้ คุณสามารถใช้  Disc Image Burner ช่วยในการ burn ได้ครับ วิธีการใช้งานก็แค่ click mouse ขวาที่ไฟล์ ISO แล้วเลือก “Open with…” จากนั้นก็ click mouse ที่ Windows Disc Image Burner


แนะนำ Tools ครบทั้ง 8 ตัวกันแล้ว แต่ละตัวอาจจะไม่มีความสามารถเทียบเท่า Software ที่เสียตังค์ แต่ว่าความสามารถก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ยังไงก็เก็บไว้ใช้ตอนฉุกเฉินแล้วกันนะครับ
Design by zaza